เห็นได้ว่านี่ไม่ใช่การไม่ได้รับโอกาส แต่ “โอกาสจะเหลือได้ไงในเมื่อทำลายมันไปเองอยู่ตลอดเวลา”
ถึงตรงนี้หากตรองดี ๆ มันแปลกดีนะ ความลำบากที่เราอยากหลุดพ้น แต่ถ้าลำบากอย่างมีเป้าหมายเรามักไม่ทน เลือกที่จะทนลำบากต่อไปแบบวน ๆ หวังว่าวันหนึ่งจะหลุดพ้นแบบทุกอย่างเนรมิตได้ ความลำบากหายไปในทันที
ลึกไปกว่านั้น เวลาคนหลงทางไปเจอคนหลงทางด้วยกันก็พยายามช่วยกัน ก็น้อยนักที่รอด (ก็ในเมื่อไม่มีใครรู้วิธีหลุดจากสิ่งนี้) ที่สุดก็ต้องแยกจากกัน คนเหล่านี้ก็จะบ่นว่า “ทิ้งกันในยามลำบาก” บ้างก็ “วันนี้มองข้ามวันหน้าว่ามาขอแล้วกัน” หรือไม่ก็ “ถ้าผ่านไปได้จะไม่กลับไปมอง” มันก็น่าตลกที่ทำไมไปคาดหวังกับคนที่เขาก็ยังลำบากเหมือนกัน แแต่คนที่ชี้ทางให้ได้กลับกลายเป็นรั้นและต่อต้านประมาณว่า “เขาไม่เข้าใจสถานะของเรา”
แล้วหากวันหนึ่งอยากจะถามคนรู้ทางคนเดิม ทีนี้เขาก็ไม่อยู่แล้ว เพราะเขาไปไกลแล้ว ก็คงเป็นเวลาที่บ่นว่า เรามันไม่มี คนมีเขาไม่คบ ไม่มีโชค ไม่มีโอกาสบ้าง เหมือนเดิมอีกครั้ง…
โอกาสเราทุกคนมี คนช่วยเรามี เพียงแต่ลองถามตัวเองอีกที ต้องรอรัฐมนตรีมาเทถนนลาดยางผ่านป่าเท่านั้นใช่ไหมจึงเรียกว่าได้โอกาส มีไม่น้อยเลย คนที่ไร้ต้นทุนแล้วไม่สนอะไรบุกลุยถางป่า ฝ่าฟันหาทางเองได้ คนที่ตระหนักเข้าใจก็หลุดพ้นไปตามเขาไปได้ บางที “คนไม่มีโอกาสบางคน” ก็แค่คนที่ดื้อดึง หรือไม่ก็พยายามไล่หา “โอกาสดั่งใจนึก” วนไป สุดท้ายก็อ้างว่าพยายามทำอะไรตั้งหลายอย่างไม่เห็นสมหวังเสียที
Post by: Admin EiEi
21/05/2023